เมนู

6. ฉฉักกสูตร



[810] ข้าพเจ้าได้สดับมาอย่างนี้:-
สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ที่พระวิหารเชตวัน อาราม
ของอนาถบิณฑิกเศรษฐี เขตพระนครสาวัตถี สมัยนั้นแล พระผู้มีพระภาคเจ้า
ตรัสเรียกภิกษุทั้งหลายว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุเหล่านั้นทูลรับพระดำรัส
แล้ว พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสดังนี้ว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เราจักแสดงธรรม
แก่เธอทั้งหลาย อันไพเราะในเบื้องต้น ในท่ามกลางในที่สุด พร้อมทั้งอรรถ
ทั้งพยัญชนะ ประกาศพรหมจรรย์อันบริสุทธิ์บริบูรณ์สิ้นเชิง คือ ธรรมหมวด
หก 6 หมวด พวกเธอจงพึงธรรมนั้น จงใส่ใจให้ดี เราจักกล่าวต่อไป ภิกษุ
เหล่านั้นทูลรับพระผู้มีพระภาคเจ้าว่าชอบแล้ว พระพุทธเจ้าข้า.
[811] พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงได้ตรัสดังนี้ว่า พวกเธอพึงทราบ
อายตนะภายใน 6 อายตนะภายนอก 6 หมวดวิญญาณ 6 หมวดผัสสะ 6
หมวดเวทนา 6 หมวดตัณหา 6.
[812] ก็ข้อที่เรากล่าวดังนี้ว่า พึงทราบอายตนะภายใน 6 นั้น เรา
อาศัยอะไรกล่าวแล้ว ได้แก่ อายตนะคือจักษุ อายตนะคือโสต อายตนะคือ
ฆานะ อายตนะคือชิวหา อายตนะคือกาย อายตนะคือมโน ข้อที่เรากล่าว
ดังนี้ว่า พึงทราบอายตนะภายใน 6 นั่น เราอาศัยอายตนะนี้ กล่าวแล้วนี้
ธรรมหมวดหก หมวดที่ 1.
[813] ก็ข้อที่เรากล่าวดังนี้ว่า พึงทราบอายตนะภายนอก 6 นั่น เรา
อาศัยอะไรกล่าวแล้ว ได้แก่ อายตนะคือรูป อายตนะคือเสียง อายตนะคือกลิ่น
อายตนะคือรส อายตนะคือโผฏฐัพพะ อายตนะคือธรรมารมณ์ ข้อที่เรากล่าว

ดังนี้ว่า พึงทราบอายตนะภายนอก 6 นั่น เราอาศัยอายตนะนี้ กล่าวแล้ว
นี้ธรรมหมวด 6 หมวดที่ 1.
[814] ก็ข้อที่เรากล่าวดังนี้ว่า พึงทราบหมวดวิญญาณ 6 นั่น เรา
อาศัยอะไรกล่าวแล้ว คือ บุคคลอาศัยจักษุและรูป จึงเกิดจักษุวิญญาณ อาศัย
โสตและเสียง จึงเกิดโสตวิญญาณ อาศัยฆานะและกลิ่น จึงเกิดฆานวิญญาณ
อาศัยชิวหาและรส จึงเกิดชิวหาวิญญาณ อาศัยกายและโผฏฐัพพะ จึงเกิดกาย
วิญญาณ อาศัยมโนและธรรมารมณ์ จึงเกิดมโนวิญญาณ ข้อที่เรากล่าวดังนี้ว่า
พึงทราบหมวดวิญญาณ 6 นั้น เราอาศัยวิญญาณนี้ กล่าวแล้ว นี้ธรรม
หมวดหก หมวดที่ 3.
[815] ก็ข้อที่เรากล่าวดังนี้ว่า พึงทราบหมวดผัสสะ 6 นั่น เราอาศัย
อะไรกล่าวแล้ว คือ บุคคลอาศัยจักษุและรูปเกิดจักษุวิญญาณ ความประจวบ
ของธรรมทั้ง 3 เป็นผัสสะ อาศัยโสตและเสียงเกิดโสตวิญญาณ ความประ-
จวบของธรรมทั้ง 3 เป็นผัสสะ อาศัยฆานะและกลิ่นเกิดฆานวิญญาณ ความ
ประจวบของธรรมทั้ง 3 เป็นผัสสะอาศัยชิวหาและรสเกิดชิวหาวิญญาณความ
ประจวบของธรรมทั้ง 3 เป็นผัสสะ อาศัยกายและโผฏฐัพพะเกิดกายวิญญาณ
ความประจวบของธรรมทั้ง 3 เป็นผัสสะ อาศัยมโนและธรรมารมณ์เกิดมโน
วิญญาณ ความประจวบของธรรมทั้ง 3 เป็นผัสสะ ข้อที่เรากล่าวดังนี้ว่า
พึงทราบหมวดผัสสะ 6 นั่น เราอาศัยผัสสะนี้ กล่าวแล้ว นี้ธรรมหมวดหก
หมวดที่ 4.
[816] ก็ข้อที่เรากล่าวดังนี้ว่า พึงทราบหมวดเวทนา 6 นั่น เรา
อาศัยอะไรกล่าวแล้ว คือ บุคคลอาศัยจักษุและรูปเกิดจักษุวิญญาณ ความ
ประจวบของธรรมทั้ง 3 เป็นผัสสะ เพราะผัสสะเป็นปัจจัย จึงมีเวทนา

อาศัยโสตและเสียงเกิดโสตวิญญาณ. . .
อาศัยฆานะและกลิ่นเกิดฆานวิญญาณ. . .
อาศัยชิวหาและรสเกิดชิวหาวิญญาณ . . .
อาศัยกายและโผฏฐัพพะเกิดกายวิญญาณ. . .
อาศัยมโนและธรรมารมณ์เกิดมโนวิญญาณ ความประจวบของธรรม
ทั้ง 3 เป็นผัสสะ. เพราะผัสสะเป็นปัจจัย จึงมีเวทนา ข้อที่เรากล่าวดังนี้ว่า
พึงทราบหมวดเวทนา 6 นั่น เราอาศัยเวทนานี้ กล่าวแล้ว นี้ธรรมหมวดหก
หมวดที่ 5.

ว่าด้วยกองแห่งตัณหา


[817] ก็ข้อที่เรากล่าวดังนี้ว่า พึงทราบหมวดตัณหา 6 นั่น เรา
อาศัยอะไรกล่าวแล้ว คือ บุคคลอาศัยจักษุและรูปเกิดจักษุวิญญาณ ความ
ประจวบของธรรมทั้ง 3 เป็นผัสสะ เพราะผัสสะเป็นปัจจัย จึงมีเวทนาเพราะ
เวทนาเป็นปัจจัย จึงมีตัณหา
อาศัยโสตและเสียงเกิดโสตวิญญาณ...
อาศัยฆานะและกลิ่นเกิดฆานวิญญาณ...
อาศัยชิวหาและลิ้นเกิดชิวหาวิญญาณ ...
อาศัยกายและโผฏฐัพพะเกิดกายวิญญาณ...
อาศัยมโนและธรรมารมณ์เกิดมโนวิญญาณ ความประจวบของธรรม
ทั้ง 3 เป็นผัสสะ เพราะผัสสะเป็นปัจจัย จึงมีเวทนา เพราะเวทนาเป็นปัจจัย
จึงมีตัณหา ข้อที่เรากล่าวดังนี้ว่า พึงทราบหมวดตัณหา 6 นั่น เราอาศัยตัณหา
นี้ กล่าวแล้ว นี้ธรรมหมวดหก หมวดที่ 6.